ประวัติ
ก่อนที่จะมีการสถานปนาราชวงศ์แรกของฝรั่งเศสขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 8 เกาะนี้เป็นเกาะเล็กๆ เคยถูกเรียกว่า มงตงบ์ (Mont Tombe) ซึ่งมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และตามตำนาน กล่าวว่า

วิหารที่อยู่บนเกาะนี้ถูกสร้างเมื่อปี ค.ศ. 708 เมื่อโอแบรต์ (Aubert) เจ้าอาวาสโบสถ์เมืองอาวรองช์ (Avranches) สร้างโบสถ์บนเกาะนี้ตามบัญชาของนักบุญมิเชล (Saint Michel) ซึ่งมาให้นิมิตหลายครั้ง แต่เขาก็มิได้ปฏิบัติตาม เนื่องจากนึกว่าปีศาจได้มาเข้าฝัน เขาจึงได้เพิกเฉยไป จนมาถึงการฝันครั้งที่ 3 มีแชลได้ใช้นิ้วของเขาจิ้มที่หัวของโอแบร์ และเมื่อเขาตื่นขึ้นมา เขาก็ได้ตะลึงว่ามีรูอยู่บนหัวจริง ๆ จากนั้นมาเขาจึงตัดสินใจสร้างวิหารบนยอดเขา การสร้างโบสถ์นี้ลำบากยากเข็ญเพราะต้องนำหินแกรนิตมาจากเกาะโชเซย์ (iles Chaussey) หรือจากเบรอะตาญ (Bretagne) อันเป็นแคว้นใกล้เคียง ทั้งยังต้องลำเลียงหินสู่ยอดเขา มงต์-แซงต์-มิเชลกลายเป็นที่จาริกแสวงบุญของคริสต์ ศาสนิกชนผู้ที่เคร่งศาสนา จะเดินข้ามจากแผ่นดินใหญ่ไปยังเกาะยามน้ำทะเลลด หากกระแสน้ำเปลี่ยนเร็วมาก จึงทำให้ผู้จาริกแสวงบุญเสียชีวิตอยู่เนืองๆ ระหว่างศตวรรษที่ 11 ถึงศตวรรษที่ 16 มีการสร้างเพิ่มเติม ในศตวรรษที่ 10 นักบวชเบเนดิคตีนมาปักหลักที่นี่ ผู้คนค่อยๆ มาอพยพมายังเกาะ ตั้งหมู่บ้านที่เชิงเขา สภาพภูมิประเทศของมงต์-แซงต์-มิเชลทำให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของอังกฤษระหว่าง สงครามร้อยปี อย่างไรก็ตามแบบสถาปัตยกรรมของมงต์-แซงต์-มิเชลเป็นป้อมปราการที่พร้อมรับ มือข้าศึกช่วงปฏิวัติฝรั่งเศสจนถึง ค.ศ.1863 มงต์-แซงต์-มิเชล กลายเป็นที่คุมขังนักโทษ ต่อมาในค.ศ.1874 รัฐจัดให้มงต์-แซงต์-มิเชลเป็นโบราณสถาน และทำการบูรณะครั้งใหญ่ โบสถ์เล็กๆ กลายเป็นวิหารขนาดใหญ่ด้วยการใช้โบสถ์เก่าเป็นฐานใน ค.ศ.1969 นักบวชเริ่มกลับมายัง มงต์-แซงต์-มิเชล ทำให้มีกิจกรรมทาง ศาสนาอย่างต่อเนื่อง ในค.ศ.1979 ยูเนสโกประกาศให้มงต์-แซงต์-มิเชลเป็นมรดกโลก วิคตอร์ อูโก (Victor Hugo) นักเขียนเพื่อชีวิตผู้ยิ่งใหญ่เปรียบมงต์-แซงต์-มิเชลของฝรั่งเศสดุจดั่ง พีระมิดใหญ่ของอียิปต์
รูปแบบของศิลปะ
ตึกสร้างแบบศิลปะโกธิกที่เด่นมากคือ ตึกลาแมร์เวย หรือ ยอดมหัศจรรย์ ประกอบด้วย หมู่กุฏิโรงทาน กุฏิโรงรับรอง และเป็นที่เลี้ยงอาหาร มีระเบียงซึ่งตกแต่งไว้อย่างงดงาม ช่วยให้ความงามอันแท้จริงของศิลปะโกธิกเด่นชัดขึ้น ในสมัยสงครามร้อยปีระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส อังกฤษซึ่งยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ของฝรั่งเศสไว้ได้ แต่ก็มิได้กักกันรังแกผู้ที่จะไปแสวงบุญ ณ สถานที่แห่งนี้ กลับช่วยให้ความสะดวกปลอดภัยแก่ผู่มาเยือนอีกด้วย ในคริสต์ศตวรรษที่ 14 มีการสร้างกำแพงและป้อมปราการป้องกันศัตรูอย่างแข็งแรง แทนบางส่วนที่พังทลายไป โดยใช้ศิลปะแบบโกธิกทั้งสิ้น ยอดแหลมของโบสถ์ใหญ่ได้มีการสร้างต่อเติมในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19 แต่ยังคงรักษาศิลปะสมัยกลางไว้อย่างครบถ้วน ดูเสมือนหนึ่งเป็นมงกุฎของม่อนผานักบุญมิเชล
ที่มา
• http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B9%8C-%E0%B9%81%E0%B8%8B%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B9%8C-%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%8A%E0%B8%A5
• http://www.abroad-tour.com/france/world_heritage/mont_saint_michel.html
• http://noppp700.wordpress.com/2009/07/22/%E0%B8%A1%E0%B8%87-%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%A5-mont-saint-michel/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น